วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สนใจธุรกิจกิฟฟารีนออนไลน์กรอกข้อมูล


อยากทราบรายละเอียดวิธีทำธุรกิจกิฟฟารีน แบบออนไลน์เพิ่มเติม
กรุณาป้อนรายละเอียดของคุณที่นี่เพื่อเราจะได้ส่งข้อมูลให้คุณศึกษาเพิ่มเติม
คำนำหน้า
ชื่อ
นามสกุล
โทรศัพท์มือถือ
email
กรุณาป้อนตัวเลขที่เห็นนี้ 387598

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เงิน..คือสิ่งชั่วร้าย / เงิน..ทำให้คนร่ำรวยจริงหรือ?

          หนึ่งในความล้มเลวสูงสุดของระบบการศึกษา คือ ความล้มเหลวในการให้ความรู้ทางการเงินแก่เด็กๆของเรา นักการศึกษาบางคนมีมุมมองร้ายๆกับเงิน ไม่ต่างอะไรไปกับลัทธิหรือความเชื่อที่ไม่ดีงาม และที่เลวร้ายที่สุด พวกเขาเชื่อว่า **เงิน** คือ ต้นเหตุแห่งเรื่องร้ายๆทั้งปวงบนโลกใบนี้
         ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ **เงิน** หรอกที่ชั่วร้าย แต่การไม่มีเงินต่างหาก คือต้นเหตุแห่งความชั่วร้าย
          ความชั่วร้าย คือ การที่คุณต้องอดทนทำงานที่คุณไม่ชอบด้วยเหตุผลเพียงเพราะเงิน ทำงานหนักแต่ได้เงินไม่เพียงพอค่าใช้จ่ายในครอบครัว เป็นหนี้สิน ทะเลาะหรือมีปากเสียงกับคนรักด้วยเรื่องเงินๆทองๆ หรือตัดสินใจทำสิ่งที่ผิดกฎหมายและศีลธรรมเพื่อเงิน เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งชั่วร้ายทั้งสิ้น และมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเงินเลย
          .....เพราะ **เงิน** มันก็เป็นแค่ **เงิน** เท่านั้น

----------------------------------------------------------------------------------------
"เงิน"ทำให้คนเราร่ำรวย จริงหรือ???

คำตอบ คือ ไม่ และ ไม่เลย เงิน เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ใครรวยได้
          ในทุกๆวัน มีคนมากมายออกไปทำงานหาเงิน พวกเขาเหล่านี้ทำงานหนัก มีรายได้เพิ่มขึ้นทุกปี แต่ก็ไม่สามารถกลายเป็นคนรวยได้ บางรายหนักกว่านั้นเพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หาได้ กลับทำให้พวกเขาเป็นหนี้มากขึ้น หรือบางทีคุณคงเคยได้ยินเรื่องคนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ที่ชีวิตพลิกผันกลายเป็นคนรวยเพียงชั่วข้ามคืน แต่แล้วสุดท้ายก็กลับกลายเป็นคนจนอีกครั้งหนึ่ง ที่ร้ายก็คือ พวกเขาเป็นหนี้ในจำนวนเงินที่มากกว่าเงินรางวัลที่เคยได้ด้วยซ้ำ
          หรือคุณอาจเคยได้ยินเรื่องราวของคนรู้จักที่ถูกธนาคารยึดบ้านไป แทนที่การได้เป็นเจ้าของบ้านของตัวเองจะทำให้พวกเขารวยและมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง แต่เปล่าเลย บ้านหลายๆหลังทำให้เจ้าของมันต้องกลายเป็นคนจน(เป็นหนี้) นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวของนักลงทุนที่สูญเสียเงินมากมายไปกับการลงทุนในตลาดหุ้น แม้กระทั่งลงทุนในทองคำ ที่หลายคนเชื่อกันว่าเป็นทรัพย์สินทรงคุณค่าตลอดกาลก็ตาม ทองคำเองก็เคยทำให้นักลงทุนขาดทุนมาแล้วเหมือนกัน
          ไม่ใช่ทองคำหรือทรัพย์สินอื่นใดหรอกที่มีมูลค่า แต่มันคือข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่เราสนใจต่างหากที่มีมูลค่า กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ หุ้น กองทุนรวม ธุรกิจ หรือ เงินหรอกที่ทำให้คนเราร่ำรวย แต่ข้อมูล ความรู้ ภูมิปัญญา และทักษะความชำนาญ หรือ เรียกรวมๆ ว่า "ความฉลาดทางการเงิน"ต่างหากที่ทำให้เรามั่งคั่งและร่ำรวย
       

พ่อรวยวิเคราะห์..ตกลงการลงทุนเป็นความเสี่ยงหรือไม่

ตกลงว่าการลงทุนเป็นเรื่องเสี่ยงไหม คำตอบของผม(โรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้แต่งหนังสือ พ่อรวย)ก็คือ..แน่นอนว่าไม่เสี่ยง
..ในความเห็นของผม การปล่อยปละละเลยคือ ความเสี่ยง
..ถ้าคุณต้องการเกษียณเร็ว และรวย การเรียนรู้ถึงการป้องกันทรัพย์สินของคุณต่อการสูญเสียหรือขาดทุนเป็นพื้นฐานแรกที่คุณต้องรู้ นักลงทุนทั่วไปคือผู้ไม่ยอมเรียน
....ได้แต่พูดว่าการลงทุนมีความเสี่ยง..นั่นคือเสี่ยงที่สุด
ดังที่ผมได้กล่าวมาแล้ว"ไม่มีประวัติศาสตร์ไหนในโลกที่คนจะฝากอนาคตและความมั่นคงทางการเงินของตนเองให้ไปเสี่ยงกับสภาวะขึ้นและลงของตลาด"ความเสี่ยงเกิดขึ้นเพียงเพราะว่านักลงทุนเหล่านั้นรู้ว่ามันเสี่ยงแต่ไม่ทำอะไรกับความเสี่ยงนั้น
..ดังที่พ่อรวยกล่าว"การลงทุนโดยตัวมันเองแล้วไม่มีความเสี่ยง แต่การปล่อยปละละเลยทางการเงินและการเชื่อฟังคำแนะนำของที่ปรึกษาทางการเงินที่ปล่อยปละละเลยนั้นคือความเสี่ยง"   ไม่เพียงแต่เสี่ยงเท่านั้น แต่มันยังแพงด้วยมันไม่ได้แพงในแง่ของเงินเท่านั้น แต่แพงยิ่งกว่าในแง่ของเวลา
..คนเป็นล้านคนปล่อยชีวิตของตนให้ขึ้นอยู่กับความปลอดภัยและความมั่นคงของงาน แทนที่จะหาอิสรภาพทางการเงินเพราะพวกเขาไม่ใส่ใจ และการไม่ใส่ใจทางการเงินทำให้คนส่วนใหญ่เก็บเงินไว้ในบัญชีดพื่อการเกษียณของพวกเขา และคอยกังวลว่าเงินจะยังอยู่ไหมในเวลาที่เขาต้องการใช้ เพราะการไม่ใส่ใจทางการเงินทำให้คนเป็นล้านใช้เวลามากมายในที่ทำงาน และทำให้คนรวยได้รวยขึ้น แทนที่จะใช้เวลาหาความสุขอยู่กับคนที่เรารัก
....ไม่เลย ผมไม่คิดว่าการลงทุนเป็นความเสี่ยง
....ความเห็นของผมคือ การปล่อยปละละเลยไม่ใสใจทางการเงินต่างหากเป็นเรื่องเสี่ยงและเป็นเรื่องที่แพงอีกต่างหาก

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ทำไมต้องกิฟฟารีน สไตล์อ.พีรเศรษฐ์ ศรีพลัง




ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย ถ้าเป็นธุรกิจเครือข่าย ทำไมต้องกิฟฟารีน 
ฟังมุมมองจาก ผู้บริหารไดมอนด์ แกรนด์พาราไดซ์ อ.พีรเชษฐ์ ศรีพลัง

วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ธุรกิจที่ลงทุนน้อยแต่ทำกำไรมหาศาลให้ทุกคน

          โรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้มีชื่อเสียงจากหนังสือ Rich Dad Poor Dad หรือ พ่อรวยสอนลูก  เป็นผู้โด่งดังมากในยุคนี้ ในการแนะนำให้คนเราเข้าใจวิธีการสร้างความร่ำรวยขึ้น จากประสบการณ์ที่เขาได้รับการสั่งสอนจากพ่อของเพื่อนชื่อไมค์ ผู้เป็นนักธุรกิจผู้ที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในฮาวาย ซึ่งเขาเรียกว่า พ่อรวย โดยที่เขาได้ความรู้เรื่องการเงินจากพ่อแท้ๆของเขาซึ่งเป็นครูซึ่งเขาเรียกว่า พ่อจน เลย  เพราะทั้งสองท่านมีประสบการณ์ต่างกัน พ่อรวยของเขามั่งคั่งขึ้นเรื่อยๆส่วนพ่อจนของเขาแม้สามสามารถเติบโตขึ้นสูงสุดในการทำงานได้เป็นผู้อำนวยการเขตการศึกษา แต่แล้วก็ต้องถูกการเมืองในวงราชการบีบคั้นให้ต้องลาออก หันมาทำธุรกิจส่วนตัวที่ตัวเองไม่เคยศึกษา จึงทำให้ยากจนลงเรื่อยๆแล้วเสียชีวิตไปพร้อมๆกับสภาพนั้น
          จากประสบการณ์การเรียนรู้เรื่องการเงินของเขานัน เขาได้ระบุว่าการหาเงินของคนเรานั้นถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลักๆที่เขาเรียกว่า แคชโฟลว์ควอแดรนต์ (Cashflow Quadrant)หรือ เงิน 4 ด้าน ซึ่งประกอบไปด้วย
           E-Employee  แปลว่า ลูกจ้าง
           S-Self-employed แปลว่า จ้างตัวเอง หรือผู้มีธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องดูแลด้วยตนเอง เช่น หมอที่ทำคลินิก ทนายความที่มีสำนักงานของตัวเอง ช่างที่เปิดร้านซ่อมประเภทต่างๆ นักธุรกิจอิสระประเภทMLM หรือประกันชีวิต ประกันวินาศภัย(ประเภทเครือข่าย) ที่ยังวางมือไม่ได้ เพราะหากวางมือแล้วธุรกิจของตัวเองจะต้องหยุดลง
           B-Business owner แปลว่า เจ้าของธุรกิจ ที่เมื่อเราเป็นเจ้าของแล้ว และไม่ได้ทำอะไร ธุรกิจก้ดำเนินไปได้ด้วยตัวของมันเอง เป็นธุรกิจที่มีระบบชัดเจนและได้ผล เช่น ธุรกิจที่มีคณะกรรมการบริหาร ธุรกิจอิสระประเภท MLM หรือประกันชีวิต ประกันวินาศภัย(ประเภทเครือข่าย)ที่เมื่อเจ้าของหยุดทำ แต่ธุรกิจยังคงเดินหน้าไปได้ด้วยตัวของมันเอง และมีกำไรขึ้นเรื่อยๆ
           I-Investor แปลว่า นักลงทุน ไม่ว่าจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(อย่างที่เขามีความชำนาญ) ลงทุนในหุ้นส่วนต่างๆไม่ว่าจะเป็น หุ้น พันธบัตร หรือ ร่วมธุรกิจกับคนอื่นๆที่ได้รับผลกำไรตอบแทน
         
          เขาสรุปว่า ผู้ที่ร่ำรวยจริงๆและไม่เหนื่อย จะต้องอยู่ในกลุ่ม B และ  I และเปนผู้ที่มีอิสรภาพทางการเงินและอิสรภาพของเวลาอย่างแท้จริง
           ส่วนผู้ที่ยังอยู่ในวังวนต้องวิ่งแข่งวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้นเหมือนหนูในวังวน(Rat race)อาจจะไม่มีวี่แววของความร่ำรวยเลย หรือไม่มีวี่แววว่าจะหยุดพักผ่อนได้นานๆเลยคือด้าน  E กับ Sและหากตัวเองหยุดทำงานรายได้ก็จะไม่เข้ามา แล้วในที่สุดธุรกิจก็จะหยุดลงได้ ดังนั้น ผู้ที่หวังความร่ำรวยจนกระทั่งถึงระดับมั่งคั่งจริงๆจะต้องหาหนทางเข้าสู้ธุรกิจทั้งสองประเภทคือ  B และ  I นี้ให้ได้
          อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อยู่ในกลุ่ม E  และ S  ก็สามารถเปลี่ยนเป็นB  และ  I ได้ หรือทำ B และ I  ไปพร้อมๆกันได้ โดยอาจเริ่มต้นที่เก็บสะสมเงินหรือการทำงานพาร์ตไทม์ในส่วนที่เป็น S  หรือธุรกิจส่วนตัวไปก่อน แล้วขยับขึ้นไปเป็น B  และ  I ในภายหลังเมื่อมีโอกาสเหมาะสม


           ธุรกิจที่ผู้ใหญ่ทางการเงินแนะนำ

           ในหนังสือชุดที่ปรึกษาของพ่อรวย อีกเล่มหนึ่งชื่อ Rich Dad'sThe Business School for People Who Like Helping People หรือ โรงเรียนสอนธุรกิจ  ได้ระบุว่า หนทางหนึ่งที่จะเรียนรู้การเป็นเจ้าของธุรกิจที่ยอดเยี่ยมได้โดยใช้ทุนน้อยเพื่อก้าวเข้าสู้ด้าน B คือ การเป็นเจ้าของธุรกิจอิสระ ในธุรกิจเครือข่าย  หรือ MLM ที่มีระบบดีดี ซึ่งสามารถสอนการเป็นนักธุรกิจของคุณได้ นอกจากนั้น ยังสามารถเก็บเงินเก็บทองทำธุรกิจการลงทุนด้าน  I ไปพร้อมๆกันได้อีกด้วย
     
         เมื่อคุณได้เข้าไปสัมผัสกับธุรกิจนี้แล้ว คุณจะพูดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความจริง การลงทุนในธุรกิจอิสระแบบ MLM นี้จะให้ประโยชน์เป็นเงินจากธุรกิจที่คุณแตกเครือข่ายออกได้หลายชั้น ประกอบกับรางวัลที่เป็นส่วนควบอื่นๆ ที่บริษัทสนับสนุน เช่น ถ้วยเกียรติยศ การท่องเที่ยวต่างประเทศ รถยนต์ ฯลฯ แล้วแต่จะกำหนดเป็นนโยบายของแต่ละบริษัท
         ลักษณะโครงสร้างของธุรกิจ เป็นการลงทุนครั้งเดียวด้วยเงินจำนวนน้อย แต่สามารถสร้างเครือข่ายการขายได้เป้นชั้นๆ และแต่ละชั้นจะให้ผลประโยชน์เป็นเงินแก่ผู้ที่เป็นต้นเครือข่าย เหมือนกับการขยายสาขาของร้านสะดวกซื้อ แต่ต่างกันที่การขยายเหล่านั้นมีเพียงชั้นเดียว แต่การขยายของธุรกิจเครือข่ายมีหลายชั้น จึงเรียกว่า มัลติ-เลเวล(multi-level) 
         วิธีการเป็นนักธุรกิจแบบเครือข่ายนี้ จะทำให้ผู้ที่ตั้งใจทำธุรกิจสามารถขยายเครือข่ายได้มากมาย ทั้งที่ขยายออกไปสู่ต่างจังหวัดในประเทศไทยและขยายต่อเนื่องออกไปสู่ต่างประเทศได้ทั่วโลก โดยที่นักธุรกิจไม่ต้องห่วงกังวลในเรื่องการผลิตสินค้า  การตลาด การแบ่งผลประโยชน์ การสต็อกสินค้า และการป้อนสินค้าแต่อย่างได นั่นเป็นเรื่องของผู้ผลิต เป็นการลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ ซื้อธุรกิจ หรือซื้อโค้ดเพียงครั้งเดียว นั่นหมายความว่า เมื่อคุณลงทุนเป็นเจ้าของธุรกิจเพียงครั้งเดียวแล้วสามารถขยายเครือข่ายได้มากมาย คุณก็จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนอย่างมหาศาลได้ แล้วในที่สุดเมื่อเครือข่ายของคุณขยายและดำเนินต่อไปเอง ไม่ว่าจะกี่ร้อย กี่พัน กี่หมื่น กี่แสน หรือกว่ากี่ล้านโค้ดที่ตามมา คุณก็จะสามารถหยุดทำงานและปล่อยให้ธุรกิจดำเนินไปเองได้ เท่ากับคุณได้เลื่อนมาอยู่ในด้านขวาที่เป็นด้าน Bได้ในที่สุด

" คนที่รวยที่สุดในโลกมองหาวิธีการการสร้างเครือข่าย  ในขณะที่คนอื่นๆมองหางานทำ "

การเป็นเจ้าของธุรกิจอิสระ ในธุรกิจเครือข่าย  หรือ MLM ที่มีระบบดีดี ซึ่งสามารถสอนการเป็นนักธุรกิจของคุณได้ ในที่นี้ ขอแนะนำ ธุรกิจเครือข่าย บริษัทชั้นนำของประเทศไทย มีความมั่นคงสูง มีแผนการตลาดที่จ่ายผลประโยชน์แก่ผู้ร่วมธุรกิจถึง 47 เปอร์เซ็นต์ มีสินค้าหลากหลายมากกว่า 2000 รายการ ครอบคลุมทุกระดับ มีศูนย์บริการทั่วประเทศกว่า 100 แห่ง